ควรทำอย่างไร? ถ้าไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
ไขมันในเลือดสูง คือคนที่มีระดับไขมันในเลือดสูงกว่าค่าที่กำหนด เมื่อมีค่าเกินระดับหนึ่งก็จะมีโอกาสจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและที่ตามมาคือโรคหัวใจขาดเลือด หรือที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหัวใจตาย คนที่เป็นำไขมันในเลือดสูงจะมีความเสี่ยงและมีอันตรายที่แตกต่างกันดังนั้นจะเอามาเปรียบเทียบอาการหรือความรุนแรงของตัวเลขแบบเป๊ะๆไม่ได้
ไขมันในเลือดสูงของคนปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเพราะเกิดจาก มีการดำเนินชีวิตและการบริโภคที่เปลี่ยนไป
คลอเรสเตอรอล เป็นชนิดของไขมันทึ่สังเคราะขึ้นจากตับและลำไส้
ได้จากการทานอาหารประเภทไขมันสัตว์ คลอเรสเตอรอลเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซล โดยเฉพาะเซลสมอง แต่ถ้ามีมากไปจะเกิดะการสะสมตามผนังหลอดเลือดทั้งหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจ หรือหลอดเลือดทั่วร่างกาย ส่งผลให้หลอดเลือดแข็งตัว ขาดความยืดหยุ่นเกิดการอุดตันเกิดขึ้น
ความเสี่ยง! ที่ส่งผลให้
ปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วย เช่นความดันโลหิตสูง เบาหวาน การสูบบุหรี่ ความอ้วน และการไม่ออกกำลังกาย เป็นต้น
คนปกติจะต้องมีค่า
- คลอเรสเตอรอลรวมน้อยกว่า 200 มก./ดล.
- ไตรกลีเซอไรด์น้อยกว่า 170 มก./ดล.
- ไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งเป็นไขมันที่ทำหน้าที่จับคลอเรสเตอรอลจากเซลล์ของร่างกายและนำไปกำจัดทิ้งที่ตับ ควรมีค่ามากกว่า 60 มก./ดล.
- ไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ควรน้อยกว่า 130 มก./ดล.
คลอเรสเตอรอลรวม แบ่งออกได้เป็น2 ชนิด คือ High-Density Lipoprotein (HDL) เป็นไขมันชนิดดี มีความหนาแน่นสูง ทำหน้าที่จับไขมันคลอเรสเตอรอลออกไปทำลายที่ตับ การมีไขมัน HDL สูงจะทำให้มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดลดลง ซึ่งการทำให้ HDL สูงนั้น ต้องออกกำลังกายเท่านั้น
Low-Density Lipoprotein (LDL) เป็นไขมันชนิดไม่ดีที่มาจากไขมันสัตว์ ถ้าไขมันชนิดนี้สูงจะไปเกาะผนังหลอดเลือดทำให้ตีบแคบลง การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดเสียไป จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดตีบตันได้มาก
ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) เป็นไขมันชนิดหนึ่งเกิดจากการสร้างขึ้นเองในร่างกายจากน้ำตาล และแป้ง หรือจากอาหารที่รับประทานเข้าไป มีความสำคัญทางด้านโภชนาการหลายประการ นับตั้งแต่ให้พลังงาน ช่วยในการดูดซึมวิตามิน A D E และ K ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน นอกจากนี้ ร่างกายยังเก็บสะสมไตรกลีเซอไรด์ไว้สำหรับให้พลังงานเมื่อมีความต้องการ การมีไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง หรือพบว่าไขมันในเลือดสูงในคนที่มีคลอเรสเตอรอลสูงอยู่แล้ว เชื่อว่ามีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมากขึ้น ระดับปกติในเลือด ไม่ควรเกิน 150มิลลิกรัม ต่อเดซิลิตร (ค่าปกติ 50 – 150 mg/dl)
สาเหตุของภาวะไขมันในเลือดสูง
- กรรมพันธุ์ (ในข้อนี้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้)
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ เราจะเห็นได้จากปัจจุบันมีการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์(หมูเนื้อ)ชาบูปิ้งย่างกันมากขึ้น
- โรคของต่อมไร้ท่อบางชนิด เช่น เบาหวาน ธัยรอยด์ และโรคของต่อมหมวกไตบางอย่าง
- โรคตับ โรคไตบางชนิด
- ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ฮอร์โมนเพศ (ยาคุมกำเนิด) เป็นต้น
- การตั้งครรภ์
- การดื่มแอลกอฮอล์
- ภาวะขาดการออกกำลังกาย
ผลข้างเคียงของโรคไขมันในเลือดสูง
ภาวะที่มีระดับกลุ่มไขมัน LDL สูงถือเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือด และอัมพฤกษ์ อัมพาตจากโรคหลอดเลือดสมอง จากการที่ไขมันในเลือดสูงไปทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่แข็งตัว ซึ่งเรียกว่า โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
ผู้ที่ควรตรวจระดับไขมันในเลือด
ควรตรวจเมื่ออายุเกิน 35 ปีขึ้นไป ถ้าปกติ และไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดตีบอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ และอายุยังไม่เกิน 45 ปี (ผู้ชาย) หรือ 55 ปี (สำหรับผู้หญิง) ไม่มีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจในครอบครัวตั้งแต่อายุน้อย (ผู้ชายไม่เกิน 55 ปี และผู้หญิงไม่เกิน 65 ปี) และยังไม่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ควรตรวจซ้ำในอีก 5 ปีข้างหน้า หากมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวแล้วและตรวจพบไขมันในเลือดปกติก็ตรวจซ้ำในอีก 1-3 ปี
ควรทำอย่างไร?เมื่อรู้ว่าไขมันในเลือดสูง
- ควบคุมอาหารที่มีคลอเรสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ สมองสัตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง อาหารทะเล หอยนางรม ปลาหมึก กุ้ง หนังเป็ด หนังไก่ มะพร้าว อาหารที่มีกะทิ หากมีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงด้วย ควรระวังอาหารพวกแป้ง น้ำตาล เครื่องดื่มที่มีรสหวาน ผลไม้รสหวานจัด เบเกอรี่
- รับประทานอาหารประเภทเนื้อปลา เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน นมพร่องมันเนย
- หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา เบียร์ เพราะแอลกอฮอล์ เพราะมีฤทธิ์สะสมไขมันตามเนื้อเยื่อ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมัน อาหารทอด เจียว ควรใช้น้ำมันจากพืชแทนน้ำมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน ซึ่งมีกรดไลโนเลอิกเป็นตัวนำ โคเลสเตอรอลไปเผาผลาญซึ่งจะช่วยในการดูดซึมไขมันสู่ร่างกายน้อยลง
- ควรเพิ่มอาหารประเภทผักใบต่าง ๆ และผลไม้บางชนิดที่ให้ใยและกาก เช่น คะน้า ฝรั่ง ส้ม เม็ดแมงลัก เพื่อให้ร่างกายได้รับกากใยมากขึ้น เพื่อช่วยในการดูดซึมของไขมันสู่ร่างกายน้อยลง
- การออกกำลังกาย จะช่วยลดปริมาณไขมันในเลือดและเพิ่มระดับของ HDL ควรทำอย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที การออกกำลังกายที่ดี เช่น การเดินเร็ว จ๊อกกิ้ง เต้นรำ ขี่จักรยาน
- งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ HDL ในเลือดต่ำลง เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
- ปรึกษาแพทย์ ติดตามผล การปฏิบัติตัว บางระยะอาจต้องใช้ยาช่วยปรับระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำและติดตามผลการรักษาต่อไป
ข่าวดี! สำหรับผู้ที่จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว ปรับอาหาร ปรับความรู้สักและพฤติกรรมในการคุมอาหารให้ค่าไขมันในเลือดปกติ
เรามีสารอาหารสกัดแบบเจลที่ชื่อเจลพลัส GELPLUS HRT มีส่วนประกอบสำคัญหลายตัวที่ทำให้ค่าไขมันในเลือดปรับลงได้ดีขึ้นคือ สามารถบำรุงและปกป้องหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจของคุณโดยเฉพาะ อาหารสุขภาพนี้ควรทานร่วมกับยาที่แพทย์สั่งจะทำให้สุภาพดีขึ้น
สินค้ามีมาตรฐาน
อ.ย.เลขที่ 10-3-35761-5-0004

เจลพลัสฮาร์ท 1 ซอง 28 กรัมประกอบด้วยสารอาหาร 7 ชนิด ได้แก่
- Taurine ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของหัวใจ
- L-carnitine ช่วยเพิ่มการสร้างพลังงานกล้ามเนื้อหัวใจ
- Co Q10 เพิ่มพลังงานระดับเซล และลดปฏิกิริยา oxidation
- Policosanol ช่วยรักษาสมดุลของสุขภาพคอเลสเตอรอล และช่วยเพิ่มอัตราส่วนHDL/LDL ไขมันดีและไขมันเลวให้อยู่ในสมดุลปกติ
- Oyster mushroom powder ช่วยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลปกติ
- Folic Acid ปรับระดับโฮโมซิสเตอินให้เหมาะสม (ปกติ < 15, เหมาะสม < 8 mmol/l)
- Selenium ช่วยสร้างเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระเฉพาะหัวใจ


