เลือกใช้นัำมันปรุงอาหารผิดเท่ากับกินสารพิษ
ต้องขอยกเครดิตทั้งหมดให้คุณโจเลยคะเรื่องนี้ เพราะหัวใจหลักสำคัญของการเจ็บป่วยในคนปัจจุบันหลักๆมาจากการทานอาหารซึ่งเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ อุ๋ยมีโอกาสได้รู้เรื่องการเลือกใช้น้ำมันปรุงอาหาร และชนิดของน้ำมันอย่างกระจ่างจากคุณโจ เป็นข้อมูลที่อัพเดทสุดๆในการเลือกใช้น้ำมันปรุงอาหารเลยคะ สำหรับท่านที่ทานอาหารนอกบ้านทั้งหลาย คงต้องปฏิวัติการใช้ชีวิตใหม่กันแล้วคะมาๆดูกัน
อาหารชนิดที่ให้พลังงานได้แก่อาหารประเภท ไขมัน แป้ง(คาร์โบไฮเดรต) น้ำตาล เรายังมีความจำเป็นที่จะต้องรับพลังงานจากอาหาร หรือยังต้องทานไขมันอยู่คะเพราะต้องใช้ในกระบวนการทำงานของร่างกายให้สมบูรณ์ ในเรื่องฮอร์โมนบางตัวก็ต้องเกี่ยวกับแหล่งพลังงานนี้ แต่หากมีจะโทษด้วยหากไชมันมากเกินไป การเลือกใช้นัำมันปรุงอาหารจึงสำคัญ
เราจึงควรมีความรู้เพิ่มในเรื่องนี้ เมื่อมีไขมันมากจนผิดปกติเราจะรู้ได้จากค่าความดันโลหิตสูงและถ้ามีนานเกินไป จะทำให้เกิดหัวใจโต เส้นเลือดเสียหายตีบ แตก ตัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจและอื่นๆตามมา
ค่าไขมันที่ควรรู้
คลอเรสเตอรอล ค่าปกติ 100-200 mg/dl
ไขมันดี HDL 35-100 mg/dl
ไขมันเลว LDL 70-160 mg/dl
ไตรกลีเซอไรด์ 50-200 mg/dl
น้ำมันปลา
ค่าความดันที่ควรรู้
ค่าความดันปกติ Systolic น้อยกว่า130 มม.ปรอท / Diastolic น้อยกว่า 85 มม.ปรอท
ความรุนแรงระดับ 1 Systolic 140-159 มม.ปรอท / Diastolic 90-99 มม.ปรอท
ความรุนแรงระดับ 2 Systolic 160-179 มม.ปรอท / Diastolic น้อยกว่า 100-109 มม.ปรอท
ความรุนแรงระดับ 3 Systolic มากกว่าหรือเท่ากับ 180 มม.ปรอท / Diastolic มากกว่าหรือเท่ากับ 110 มม.ปรอท
ทีนี้มาดูเรื่องน้ำมันกันคะ หลักใหญ่ๆ
ไขมันแบ่งออกเป็น2ชนิดคือไขมันอิมตัวและไขมันไม่อิ่มตัว
ไขมันอิ่มตัว จะมีลักษณะแข็งเมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้องได้แก่
-ไขมันอิ่มตัววจากสัตว์และ พืช เช่นน้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม
-ไขมันอิ่มตัวที่เกิดจากอุตสาหกรรมที่เรียกว่าไขมันทราน (เป็นชนิดที่อันตรายที่สุด) เช่นมาการีน เนยขาว แม้แต่การที่ใช้น้ำมันประเภทน้ำมันถั่วเหลืองแต่หากนำไปใช้ผิดประเภท คือน้ำไปทอดในอุณหภูมิสูงๆก็ทำให้น้ำมันนั้นเป็นพิษ แปรสภาพเป็นไขมันทราน**
ไขมันไม่อิ่มตัว
–ไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง
โอเมก้า 6 น้ำมันถั่วเหลือง
โอเมก้า 3 น้ำมันปลา หรือน้ำมันจากพืช น้ำมันคาร์โนลา ( คนไทยมักขาดไขมันประเภทนี้ ) การขาดไขมันประเภทนี้มีผลเสียคือหลอดเลือดจะอักเสบได้ง่าย
–ไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว ได้แก่พวกน้ำมันอโวคาโด น้ำมันรำข้าว
ในการเลือกใช้น้ำมันปรุงอาหารที่ดีที่สุดคือทานน้ำมันชนิดนี้แบบไม่ผ่านความร้อน
1.น้ำมันปาล์ม น้ำเป็นนำ้มันที่เหมาะสำหรับทอดเพราะทนความร้อนในอุณหภูมิสูงๆได้
2.น้ำมันถั่วเหลือง ควรใช้สำหรับผัดเท่านั้น (ราคาไม่แพง)โดยปกติไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย น้ำมันถั่วเหลืองทนความร้อนได้ต่ำ ถ้าหากนำมาทอดจะกลายเป็นไขมันทรานซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย น้ำมันถั่วเหลืองทำให้อ้วนและทำให้เป็นเบาหวานได้
และถึงแม้นว่าน้ำมันถั่วเหลืองจะไม่เป็นไขเมื่ออยู่อุณหภูมิห้องแต่เมื่อน้ำมันถั่วเหลืองถูกความร้อนในอุณหภูมิสูงและเราทานเข้าไปจะเป็นไขในร่างกายเรา
3.น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชา ควรทานแบบไม่ถูกความร้อนเช่นใส่ในสลัด ร่างกายจะนำพลังงานชนิดนี้ไปใช้เป็นแหล่งพลังงานก่อน
น้ำมันมะกอกช่วยป้องกันหลอดเลือดแดงเลแข็งตัว ความดันโลหิตสูง หัวใจวาย ไตวาย เส้นเลือดในสมองแตก
4.น้ำมันรำข้าว ใช้ผัดพอได้ น้ำมันชนิดนี้ทำให้ HDLไม่ลง LDLลง ซึ่งถือว่าดีกับร่างกาย ทานแบบเป็นแคปซูลก็มี
5.น้ำมันคาร์โนลา ใช้ใส่ในสลัดได้ และใช้ผัดได้(ความร้อนไม่เกิน60 องศาเซลเซียส)
(การทอดจะมีอุณหภูมิ 200-300 องศาเซลเซียส)
6.น้ำมันมะพร้าว ข้อเสียคือมีกลิ่นและทานเป็นอาหารเสริมได้เพราะไม่เป็นผลเสียต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด แถมยังสามารถเพิ่ม HDL(ไขมันดี)ได้
น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม น้ำมันหมูเป็นน้ำมันชนิดไขมันอิ่มตัว สามารถนำพลังงานไปใช้ได้เลย แต่ไม่ควรทานเกิน 20% ต่อวัน
7.น้ำมันปลา ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้
แบบเป็นอาหารเสริมทานวันละ 1000 มิลลิกรัม>>เพื่อป้องกัน
ทานวันละ /2000-3000 มิลลิกรรม >>เพื่อบำบัด
8.Q oil เป็นน้ำมันที่ทำมาจากตัวเคย เป็นชนิดที่มีโมเลกุลเล็กมากๆสามารถลด LDLและ ไตรกลีเซอไรด์ได้
9.น้ำมันดอกทานตะวัน (ไขมันต่ำ) ให้คุณค่าทางโภชนาการ ป้องกันการแข็งตัวของเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ต้านมะเร็ง ใช้ในการผัดได้แต่ราคาสูง
ดังนั้นในเรื่องของการป้องกันโรคที่จะทำให้เกิดความเสียหายในระบบสำคัญของร่างกายจึงควรอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกใช้นัำมันปรุงอาหารให้ถุกต้องเสียก่อน และเพื่อให้ร่างกายปลอดภัยมากขึ้นเราจึงควรคุมความดันโลหิตให้ได้ ลดไขมันให้ได้ ก่อนที่จะสายเกินไป
สารอาหารบำบัด(อาหารเสริม)ช่วยเรื่องลดคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ลดความดันได้เป็นอย่างดีคะ
อย่าลืมนะคะว่าโรคใหญ่ๆมาจากโรคเล็กๆที่ไม่ได้ดูแล และโรคเล็กๆเหล่านี้ทำให้หลายๆคนปล่อยให้อยู่กับตัวเราเองนาน สะสม เก็บไว้ในร่างกายจนชินกับมัน มันถึงขึ้นชื่อว่าเป็นโรคมัจจุราชเงียบ… ภัยร้ายที่หลายๆคนกลับไม่กลัว
วิธีลดความดันโลหิต
1.งดแอลกอฮอล์ทุกชนิด
2.ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
3.งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ความดันสูงเร็วมากขึ้น และรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากหลอดเลือดแข็งตัว
4.งดการทานอาหารเค็ม อาหารแปรรูป การทานเค็มนอกจากทำให้ความดันโลหิตสูงแล้วยังทำให้เป็นโรคไตด้วย วิธีง่ายๆในการลดเค็มคือไม่ปรุงเพิ่ม หรือปรุงให้น้อยลง ตอนนั้ทาง สสส.รณรงค์ให้ลดเค็มลงวันละ 6gm./ วัน หรือ 1ข้อนชา/วัน
5. ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ
ร่างกายของเรา เราต้องเป็นคนดูแลเองคะเลือกใช้น้ำมันปรุงอาหารให้ถูกต้อง และเลือกใช้อาหารเสริมอย่างรอบคอบ