อันตรายจากการขาดแบคทีเรียดีๆในลำไส้
ก่อนที่จะลดหรือเพิ่มอะไรกันทำความเข้าใจเรื่องแบคทีเรียดีในลำไส้ก่อน
แบคทีเรียในลำไส้เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิต เรียกได้ว่าเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จุลินทรีย์พวกนี้เมื่อเข้าไปอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่แล้วจะเข้าไปช่วยปรับสมดุลเพิ่มหรือลดจำนวนของพวกจุลินทรีย์ทั้งดีและไม่ดีที่มีอยู่เดิมในลำไส้ด้วย ทำให้สุขภาพระบบทางเดินอาหาร สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น การขาดจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียดีๆในลำไส้ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายเราต่ำลงได้นะคะ
ในช่วงแรกในร่างกายเราจะมีแบคทีเรียตัวดีมากกว่าไม่ดี แต่พอเราอายุมากขึ้นแบคทีเรียตัวดีจะลดลงไปตามลำดับ หน้าที่ของแบคทีเรียตัวดีเหมือนทหารที่ต่อสู้กับเชื้อโรค สู้กับแบคทีเรียอื่นๆ เชื้อรา ไวรัส หรือสิ่งแปลกปลอมที่จะเขาไปในร่างกาย อย่าลืมนะคะว่าหากมีการเพิ่มปริมาณแบคทีเรียตัวเลวเกิดขึ้น แบคทีเรียเหล้านี้จะแทรกตัวไปตามระบบเลือดและส่งผลต่ออวัยวะต่างๆสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีมีมลพิษ การใช้ชีวิตที่แย่ลงแบคทีเรียตัวเลวก็จะเพิ่มมากขึ้น เราเจ็บป่วยมากขึ้น เป็นมะเร็งกันมากขึ้นจากการทานอาหารตามใจชอบตามความอร่อยๆนี่แหละคะ
แบคทีเรียดีๆ เราจะเพิ่มเติมหรือทำให้เพิ่มขึ้นได้ด้วยการจัดการขยะในลำไส้คะ การทานผักชนิดดีทำให้ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้
หรืออีกอย่างก็คือการเติมแบคทีเรียดีๆเข้าไป
การทานผักชนิดดีเท่ากับเพิ่มแบคทีเรียดีๆ
1.สาหร่ายสไปรูไลนา (Spirulina Algae) ช่วยปรับสมดุลของระบบขับถ่ายเรียกว่าเป็น Dietary fiberและมีคลอโรฟิลล์มากตัวนี้ช่วยเรื่องการบรรเทาการท้องผูกหรือบางทีเรียกว่าอุจจาระตกค้างหรือตะกรัน ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ การสะสมสิ่งตกค้างในลำไส้เป็นอันตราย บางคนทานอาหารที่มีพิษเจือปน ยิ่งขับยากสารพิษยิ่งอยู่นานคะ (Chronic dunk) ที่ลำไส้ สิ่งต่างๆนี้เป็นสาเหตุหลักทำให้ร่างกายอ่อนแอ เกิดโรคต่างๆตามมา บางทีถึงขั้นมะเร็ลำไส้** เวลาเกิดอันตรายกับลำไส้ เกิดสิ่งผิดปกติแบบนี้ กว่าจะตรวจพบก็นานเพราะอยู่ภายในร่างกายต้องเป็นคนช่างสังเกตุจริงๆ
2.สาหร่ายคลอเรลลา (Chlorella Vulgaris) สาหร่ายชนิดนี้มีเส้นใยมากจึงช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวให้กับลำไส้ เส้นใยของผนังเซลสาหร่ายช่วยกำจัดโลหะหนัก กำจัดศะตรูพืชหรือกำจัดยาปฏิชีวนะที่ตกค้างในลำไส้ได้
3.ผักปวยเล้งหรือผักโขม (spinach) ผักนี้ช่วยบรรเทาการแน่นท้อง บิด ถ่ายเป็นมูกเลือด ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้สะดวก เพราะมีเส้นใยสูง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร**
4.อัลฟาฟ่า (Alfalfa Hearb) เพิ่มประสิทธิภาพระบบทางเดินอาหาร ลดการสะสมสารพิษได้
5.ข้าวบาร์เลย์อ่อน (Barley Grass) ช่วยกระบวนการเผาผลาญและการย่อยอาหาร และยังส่งผลเรื่องภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วย
6.บรอคโคลี่ (Broccoli) ป้องกันแผลพุพองในกระเพาะ ซัลโฟราเฟนในบร็อคโคลี่มีสรรพคุณในการป้องกันและกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และยังช่วยควบคู่กับอาการปวดท้องอื่นๆ เช่น โรคกระเพาะ โรคหลอดอาหารอักเสบและโรคกรดไหลย้อน
7.สเปียมิ้น (Spearmint leaf) ช่วยอาการการท้องเสีย คลื่นไส้
8.ใบสะระแหน่(Pepermint leaf) ลดการปวดและเสียดท้อง ช่วยบรรเทาอาการของโรคลำไส้อักเสบได้ดี
9.ต้นข้าวสาลีอ่อน (Wheat grass) ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้และลดความถี่ของการถ่ายเป็นเลือดได้
การเพิ่มแบคทีเรียดีๆจากการกินโยเกิร์ตเป็นอีกทางที่ทำได้นะคะ แต่ต้องดูว่าเราขาดแบคทีเรียตัวไหนหรือเรามักมีอาการทางระบบทางเดินอาหารอย่างไร ท้องอืดท้องเสียหรือท้องผูก ทานให้ถูกต้องจะปลอดภัยคะ
และที่สำคัญที่สุดคือการงดอาหารหมักดอง เหล้าเบียร์ อาหารแปรรูปด้วยคะ อาหารพวกนี้จะทำให้แบคทีเรียดีๆตาย เกิดเจ็บป่วยได้ง่ายคะ
