ทางออกโรคหัวใจและหลอดเลือดป้องกันภาวะแทรกซ้อน
เรื่องของโรคหัวใจและหลอดเลือดมีความสลับซับซ้อนยากต่อการเข้าใจ แต่หากเราเริ่มเรียนรู้จากเรื่องที่เข้าใจง่ายๆก่อนก็จะทำให้เรามีความเข้าใจและปฏิบัติตัวถูก ก็จะลดการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้หลายๆเปอร์เซนต์ เรามีความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดกันขนาดไหนกัน โรคหัวใจและหลอดเลือดมักเกิดได้กับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปค่ะ และเป็นมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นๆ
สาเหตุการเสียชีวิตของโรคนี้สูงติด 1 ใน 4 ของสาเหตุการของการเสียชีวิตของประชาชนเกือบทั่วโลก ในแต่ละปีมีคนเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึงปีละ 54,000 คน เฉลี่ยอยู่ที่ชั่วโมงละ 6 คน โรคหัวใจและหลอดเลือดนี้ก็ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งและอุบัติเหตุ ตัวเลขนี้จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นหากพฤติกรรมการทานอาหาร การใช้ชีวิตที่เครียดเพราะมีแต่ความเร่งรีบ ขาดการออกกำลังกายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน โอกาสที่จะเป็นโรคนี้ก็มีมาก เราลองมาติดตามดูกันว่ามีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง
1.ภาวะหัวใจล้มเหลว (หัวใจวายเกิดได้บ่อยที่สุด**) เป็นภาวะที่หัวใจทำงานอ่อนกำลังลงไปหรือทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ เราสามารถจะสังเกตุง่ายๆได้จาก การทำกิจวัตรประจำวันแล้วเหนื่อย ทำเรื่องส่วนตัวง่ายๆได้ยากขึ้น ทำแล้วเหนื่อยมากขึ้น ในเรื่องโรคหัวใจหลายต่อหลายโรคมักเกิกภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจชนิดนี้ค่ะ เช่นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคลิ้นหัวใจรั่ว
ภาพ:จากอินเตอร์เนต
อาการสำคัญของภาวะหัวใจล้มเหลวคือจะอ่อนเพลีย เหนื่อย หายใจลำบาก อึดอัดเวลาออกกำลังกายหรือเวลานอนในท่านอนหงาย หรือทำให้เราตื่นกลางดึก มีอาการหน้ามืดเวียนศีรษะบ่อย เข้าห้องน้ำบ่อยเวลากลางคืน เท้าบวม วิธีที่จะป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวก็หนีไม่พ้นเรื่องจัดการเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เลือดไหลเวียนและสูบฉีดเลือดให้เป็นปกติ เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้มีของเหลวค้างในปอดหรือที่เราเรียกว่าน้ำท่วมปอด อวัยวะต่างๆโดยเฉพาะไตของเรากำจัดน้ำส่วนเกินที่คั่งไม่ได้ ร่างกายจะเกิดการบวมน้ำทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
2.โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรคนี้เกิดจากการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดี มีภาวะหลอดเลือดแดง Coronary artery ที่ไปเลื้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบตันหรือมีลิ่มเลือด เรียกว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ Coronary artery disease จากหลอดเลือดแดงแข็ง หลอดเลือดแดงไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัว ส่งผลต่อการที่เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ภาพ:จากอินเตอร์เนต
อาการที่สำคัญของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่เกิดขึ้นคือ มีอาการเจ็บตรงกลางหน้าอก เยื้องลงมาทางลิ้นปี่เล็กน้อยอย่างกระทันหัน เจ็บร้าวไปยังแขนหรือด้านซ้ายของคอ ไหล่ซ้าย ข้อศอก ท้องแขน กราม ทำให้หายใจลำบาก เหงื่อออก คลื่นไส้อาเจียน ใจสั่น ใจหวิว ชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ มีความวิตกกังวลมากขึ้น อ่อนแรง อาหารไม่ย่อย เหนื่อยล้า หน้ามืด หมดสติ และ 1 ใน 4 ของผู้เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน มักไม่มีอาการเบื้องต้นใดมาก่อน เป็นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันคืออาจเกิดจากพันธุกรรม โรคหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอาจจะหนาตัว หัวใจอาจจะพองโต หรือในคนที่สูบบุหรี่ เป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง มีความเครียด อ้วนและไม่ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ หรือผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
ความเป็นความตายอยู่ใกล้กันมาก ดูให้จบนะค๊ะ น่ากลัวมาก
3.โรคหลอดเลือดสมอง stroke คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ทำให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย การทำงานของสมองจะหยุดชะงัก เกิดปัญหาเมื่อหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองตีบหรือตัน โรคนี้ทำให้เยื่อสมองตายได้เพียงไม่กี่นาที วิธีป้องกันโรคหลอดเลือดสมองที่ดีที่สุดคือ การชะลอความเร็วของการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว
ภาพ:จากอินเตอร์เนต
อาการสำคัญของโรคหลอดเลือดสมองคืออาการชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า แขน ขาครึ่งซีกของร่างกาย ทำให้พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว มุมปากตก น้ำลายไหล กลืนลำบาก ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ตามัว มองเห็นภาพซ้อนหรือเห็นครึ่งซีก หรือตาบอดข้างเดียวทันทีทันใด เดินเซ ทรงตัวลำบาก อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและมีโอกาสเป็นซ้ำได้ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมแบบเดิมด้วยค่ะ
4.โรคหลอดเลือดแดงโป่งพองปริแตก โรคนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีความรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้และสามารถเกิดได้กับทุกส่วนของร่างกายด้วยค่ะ โรคหลอดเลือดแดงโป่งพองปริแตกที่เกิดจากผนังของเส้นเลือดบางส่วนแตก แต่ไม่ได้ทะลุแตกออกมาข้างนอก จะไม่มีอาการแสดงใดๆ เมื่อมีอาการก็หมายความว่าเลือดได้แตกทะลุออกมาแล้ว ผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงโป่งพองปริแตกคือโรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน ผู้ที่สูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย อายุที่มากขึ้น
ภาพ:จากอินเตอร์เนต
อาการสำคัญของโรคหลอดเลือดแดงโป่งพองปริแตกคือ เจ็บหน้าอกร้าวไปถึงด้านหลังปวดหลัง บางรายปวดร้าวถึงช่องท้อง โรคนี้ควรมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเพราะสามารถช๊อคและเสียชีวิตได้
5.โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ เรื่องนี้มักเกิดมาจากโรคหลอดเลือดแดงแข็งมาก่อนทำให้การไหลเวียนเลือดไปยังส่วนปลายพวกปลายมือปลายเท้าไม่ดีไม่เพียงพอ เวลาเดินเกิดการเจ็บ หากตีบตันมากทำให้แขนและขามีสีคล้ำได้
7.โรคเยื่อหุ้มหัวใจ โรคนี้อาจจะเกิดจากการอักเสบ หรือ มีน้ำขังในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจไม่ขยาย อาการของโรคเยื่อหุ้มหัวใจคือจะมีอาการเจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ไอ หายใจลำบาก ความดันโลหิตต่ำ เป็นลมหรือจนหัวใจล้มเหลวได้ในที่สุด
ภาพ:จากอินเตอร์เนต
สาเหตุของการเกิดโรคเยื่อหุ้มหัวใจ คือจากโรคมะเร็งชนิดต่างๆ โรคปอด โรคติดเชื้อ โรคออโต้อิมมูน โรคไต โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย การขอดฮอร์โมนไทรอยด์ ผลข้างเคียงจากการฉายแสงหรือให้เคมีบำบัด การประสบอุบัติเหตุที่หัวใจหรือแม้กระทั่งการผ่าตัดหัวใจ
8.โรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด เป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โรคอาจจะเกิดที่ลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ ผนังหัวใจ หากเป็นมากก็อาจจะเสียชีวิตหลังคลอด แต่บางคนเป็นน้อยไม่มีมีอาการ จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ซึ่งตรวจพบภายหลัง
ภาพ:จากอินเตอร์เนต
สาเหตุของโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิดจากพันธุกรรม การได้รับยาหรือสารเสพคิด การได้รับรังสี การตั้งครรภ์เมื่อมีอายุมาก
อาการโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิดมีทั้งชนิดเขียวเช่นที่ลิ้น เยื่อบุตา ริมฝีปาก ปลายมือปลายเท้าเป็นสีคล้ำและไม่เขียว มีอาการเหนื่อยง่าย ดูดนมนาน หายใจเร็ว หายใจแล้วจมูกบาน ซี่โครงบาน เป็นหวัดหรือติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจบ่อยๆ หัวใจเต้นเร็วและแรง หน้าอกผิดรูป การเจริญเติบโตน้อยกว่าเกณฑ์ นิ้วปุ้ม
9.ภาวะหัวใจยุดเต้นเฉียบพลัน คือภาวะที่หัวใจทำงานผิดปกติ จนไม่มีการบึบตัวหรือหยุดเต้นทันทีเป็นอันตรายที่ไม่มีสัญญาณเตือน ภาวะแทรกซ้นนี้มักเกิดจากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เมื่อเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉืยบพลัน หัวใจจะขาดช่วงในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นให้หัวใจบีบตัวเป็นจังหวะ การเสียความรู้สึกตัวของหัวใจทำให้หัวใจไม่บีบตัวเลือดหยุดการไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างร่างกาย ต้องได้รับการรักษาให้ทันท่วงทีภายในไม่กี่วินาที ภาวะนี้ทำให้เกิด เสียการทำงานของหัวใจและการหายใจ หากได้รับการปฐมพยาบาลหรือทำการรักษาไม่ทันอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิตลงได้
ภาพ:จากอินเตอร์เนต
เราอาจให้ความช่วยเหลือได้โดยการช็อคด้วยกระแสไฟฟ้า Electrical Shock จากเครื่องมือที่เรียกว่า Defibrillator และที่น่ากลัวกว่านั้นคือในผู้ป่วยบางรายที่ภายนอกร่างกายดูแข็งแรงไม่เคยเจ็บป่วยหนักๆมาก่อนก็สามารถเสียชีวิตจากภาวะหัวใจยุดเต้นเฉียบพลันได้ หากได้รับการช่วยเหลือไม่ถูกวิธีหรือไม่ทันเวลา…ปัจจุบันเราอาจจะพบเครื่องมือชนิดนี้ตามสถานที่ที่เป็นสาธารณะสามารถใช้งานได้โดยทั่วไปที่เรียกว่าเครื่องกระชากหัวใจ AEDs ข้อมูลของประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่ามีการเกิดภาวะนี้มากถึงปีละ 300,000 – 400,000 ราย โดยจะพบมากในกลุ่มที่เป็นนักกีฬา
เราคงไม่ต้องรอให้เกิดวิกฤติอย่างที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดด้านบน หลายคนอาจไม่รู้ว่าการปล่อยให้ผลเลือดผิดปกติเนิ่นนาน เกิดอาการแวดล้อมของหลอดเลือดและหัวใจ ส่งผลเรื่องอันตรายหนักหนาแค่ไหน ความผิดปกติที่เรามองเห็นว่าเล็กน้อยอาการไม่ชัดเจนได้ทิ้ง ระเบิดเวลา เอาไว้ทุกจุดในร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก การดูแลตัวเองในเรื่องนี้ต้องปรับทุกมิติเพื่อให้ร่างกายรอดพ้นอันตรายนี้เพื่อตัวเองและเพื่อความสุขของครอบครัวคุณค่ะ…