เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
ฝี…. ประกอบด้วยเซลเม็ดเลือดขาว เนื้อเยื่อที่ตายแล้ว และเชื้อโรค เป็นอาการและสัญญาณของการติดเชื้อ และส่วนมาก
เป็นกับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา อะมิบ้า ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus) หรือฝี
อาจเกิดจากการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายหรือการสัมผัสถูกผู้ป่วยโดยตรง
ฝี…เกิดได้ทั้งที่ผิวหนัง หรือแม้แต่กับอวัยวะภายในนะคะ ซึ่งอันตรายก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละที่ เวลาเป็นฝีจะเกิดการอักเสบ บวม แดง ไม่สบายตัว ปวด หรือแสบร้อน บางทีจะรู้สึกปวดตุบๆเลยค่ะ บางคนเกิดมีไข้หนาวสั่นร่วมด้วย
คนที่มีภูมิต้านทานต่ำหรือมีโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน คนที่มีน้ำตาลในเลือดสูงจะเป็นตัวที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตแก่เชื้อโรค ในคนที่เป็นมะเร็ง เอดส์ ผู้ที่ร่างกายเกิดการบาดเจ็บ มีบาดแผลหรือได้รับยาบางชนิดเช่นยาเคมีบำบัด ยากลุ่มสเตียรอยด์จะเกิดฝีได้ง่ายด้วยเหมือนกัน
เพราะยาพวกนี้จะไปกดภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ผู้ที่มีปัญหาด้านโภชนาการ เช่น ขาดสารอาหาร โลหิตจาง เป็นความผิดปกติที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ จึงทำให้ติดเชื้อโรคเป็นฝีได้ง่ายกว่าคนปกติ
ฝี เกิดได้ที่ผิวหนังจากการอักเสบของรูขุมขนหรืออักเสบของรากผมเป็นเล็กๆน้อยๆหายไปบ้างเป็นบ้างก็ก่อให้เกิดความรำคาญ บางคนเป็นในจมูกในหูก็มี
ฝีเกิดได้ที่ไหนบ้าง
1.ฝีที่ก้น มักเกิดบริเวณร่องก้น อาจเป็นตุ่มหรือก้อนเล็กๆ ปวด อักเสบ บวมแดง กดเจ็บ เหนื่อย อาจทำให้ท้องผูกหรือปัสสวะลำบากร่วมด้วย ถ้าเป็นฝีลึกเข้าไปด้านในจะปวดมาก มีไข้หนาวสั่น เหงื่อออกเวลากลางคืน
การเสียดสีก็มีส่วนทำให้เกิดเป็นฝีบริเวณก้นได้ด้วยเหมือนกัน มักพบในคนที่ขี่ม้า หรือปั่นจักรยาน นะคะ
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
2.ฝีที่แคม อวัยวะเพศหญิงหรือที่เรียกว่าฝีต่อมบาร์โธลิน ต่อมนี้ทำหน้าที่ในการผลิตเมือก เป็นก้อนขนาดเล็ก 2 ก้อนระหว่าง
ซ้ายและขวาเยื้องมาทางด้านล่างของแคมใหญ่ทั้ง 2 ข้าง พบได้ตรงใต้ผิวหนังปากช่องคลอดขนาดเท่ากับเมล็ดถั่วประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร
มักพบในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธุ์บ่อยๆ แช่ในน้ำที่ไม่สะอาดหรือน้ำคลองอยู่นาน ทำให้เกิดการอักเสบอุดตัน เป็นถุงน้ำ
จะมีอาการอักเสบ ปวดมักเป็นข้างใดข้างหนึ่ง บางรายเป็นหนอง อาจเป็นซีสหรือเนื้องอกได้
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
3.ฝีที่ฟัน เกิดฝีอักเสบติดเชื้อบริเวณเหงือก ฟัน กระดูกขากรรไกรใต้กรามฟัน การมีถุงหนองสะสมอยู่
รอบๆ รากฟัน มีอาการปวดฟัน อาจมีเหงือกบวม กดเจ็บ มีต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโต หน้าข้างที่เป็นบวมขึ้น อ่อนเพลีย มีไข้ เหนื่อย หายใจไม่สำดวกอันตรายถึงขั้นปิดกั้นทางเดินหายใจได้
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
4.ฝีที่ทวารหนักหรือลำไส้ส่วนปลาย ฝีคัณฑสูตรเป็นฝีที่เกิดการทะลุเชื่อมต่อจากรูเปิดที่เยื่อบุในทวารหนักมายังรูเปิดที่ผิวหนังบริเวณรอบปากทวารหนัก อาจเป็นภาวะแทรกซ้อนตามหลังการแตกของฝีในบริเวณทวารหนัก หรือเกิดจากการบาดเจ็บของทวารหนัก มีทั้งการอักเสบแบบเฉียบพลันและเรื้อรังค่ะ การรักษาเมื่อเป็นแล้ว ทำได้ด้วยการผ่าตัด
มีอาการปวด บวมแดง มีเลือดปนมากับหนองการป้องกันการท้องผูก การทานผักผลไม้เป็นทางป้องกันที่ดีที่สุด
5.ไส้ติ่ง มีอาการปวดท้องเฉียบพลัน ปวดรอบสะดือและย้ายมาที่ท้องล่างด้านขวา คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร มีไข้37.2-38.3องศาเซลเซียส ท้องอืด ท้องเสียท้องผูก ปัสสวะบ่อย ควรรีบไปพบแพทย์เนื่องจากไส้ต้ิ่งอาจแตกได้คะ
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
6.ฝีที่ตับ เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้ออะมิบ้า หรือผลจากเบาหวาน ถุงนํ้าในตับที่ติดเชื้อ ก้อนเนี้องอกของตับ หรือจาการเกิดอักเสบ จากการเกิดอุบัติเหตุการกระแทก การเกิดฝีที่ตับอาจเกิดการอักเสบ ช๊อก ไตวายและเสียชีวิตได้
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
7.ฝีที่ปอด มักเกิดจากการอักเสบติดเชื้ออย่างรุนแรงจนเกิดเป็นโพรง มีเลือดหรือมีหนองปน หรืออาจเกิดจากมะเร็ง
เสมหะเป็นหนอง หายใจมีกลิ่นเหม็น หรือเสมหะมีเลือดปน อ่อนเพลีย เหนื่อย เจ็บหน้าอก
ครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
8.ฝีที่สมอง อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ทำให้ระบบประสาทและสมองผิดปกติ มีสาเหตุจากหูน้ำหนวก โรคหัวใจพิการ
จากอุบัติเหตุที่ศีรษะ ฟันผุ แผลบริเวณใบหน้า ไซนัสอักเสบ เหงือกเป็นหนอง มีแผลติดเชื้อเรื้อรังที่หนังศีรษะ การติดเชื้อที่
กระแสเลือดแล้วกระจายไปที่สมอง มักเกิดอาการมีไข้สูงหรือไข้ต่ำ ปวดศีรษะรุนแรง ตาพร่า ตามัว อาเจียน ชัก
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
9.ฝีที่ไขสันหลัง มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา พยาติตัวตืดอาจมีอาการปวดหลัง ปวดคอ
10.ฝีที่ต่อมทอนซิล หรือผิวหนังในคอ เกิดจากเชื้อไวรัสพวกติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย มักจะพบในผู้ที่มีภูมิทานต่ำ
พวกติดเชื้อHIV มีอาการเจ็บคอ ไอ หวัด คัดจมูก หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร มีไข้สูง ตาแดง ปวดขากรรไกร ต่อมน้ำเหลืองโต
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
11.ฝีที่เต้านม มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อย ได้แก่ สแตฟีโลค็อกคัสออเรียส (Staphylococcus
aureus) อาจเกิดกับหญิงที่ให้นมบุตร เชื้อนี้จะเข้าไปทางเต้านมที่ปริหรือแตกเกิดการอักเสบ มักมีอาการ ปวด บวม แดง ร้อน มี
ไข้หนาวสั่น ปวดเนื้อปวดตัว คลำได้ก้อน กดเจ็บ อาจพบต่อมน้ำเหลืองข้างเดียวกับเต้านมเป็นฝีโต หรือที่รักแร้โต
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
12.ฝีที่ไต กรวยไตอักเสบ ไตอักเสบ เกิดการคั่งของปัสสวะ มีการอุดกั้นทางเดินปัสสวะ ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อที่ไต ถ่ายปัสสาวะแสบ ปวดเบ่ง ปัสสาวะบ่อย อาจขุ่นหรือมีเลือดปน มีไข้สูง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดตามกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียอาการเหล่านี้บ่งบอกว่าเป็นฝีที่ไต กรวยไตอักเสบ ไตอักเสบ
อาจมีอาการไข้หนาวสะท้าน ปวดบริเวณชายโครงด้านหล้ง ข้างที่มีการอักเสบ อาจปวดร้าวถึงหน้าท้องใต้ชายโครง
13.ฝีที่ผิวหนังและใต้ผิวหนัง มักจะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย มีตุ่มหนองอักเสบ มีกลิ่นเหม็น
เครดิตภาพ : จากอินเตอร์เนต
14.ฝีที่ม้าม
การเกิดฝีในร่างกายก็เป็นได้อีกหลายที่นะคะ ที่สำคัญมันอยู่ที่อันตรายที่เกิดขึ้นคะ เช่นที่ฟัน กระดูกใต้กรามฟัน บางคนปล่อยไว้คิดว่าจะหายเอง บวมไปถึงคางและลำคอ ฝีไปเบียดกับทางเดินหายใจ ทำให้เหนื่อย หายใจหอบ นอนราบไม่ได้ หากช่วยระบายหนองไม่ทัน ก็อาจเกิดเสียชีวิตได้ อันตรายอีกอย่างหนึ่งคือการติดเชื้อในกระแสเลือดคะ เรื่องนี้มีความรุนแรงและเสียชีวิตอย่างรวดเร็วมาก
การป้องกันฝีทำได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยและความสะอาดของร่างกายทุกส่วน การทานอาหารที่ดีมีสุขลักษณะไม่ทานของหมักดอง แปรรูป ควรทานอาหารสดใหม่ การออกกำลังกายเพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน และทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดีไม่ติดเชื้อง่าย เมื่อเกิดฝีที่มีขนาดใหญ่เกิน 1 เซนติเมตร มีไข้ปวดบวมมากขึ้น เราควรรีบไปพบแพทย์เพื่อได้รับการระบายหนองออก และเพื่อได้รับยาปฏิชีวนะ การป้องกันไม่ให้เกิดฝี การเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายระยะยาวก็เป็นวิธีที่ดีมากอีกวิธีหนึ่งคะ เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องการเจ็บป่วยที่ใหญ่มากขึ้น ได้เพราะภาวะแทรกซ้อนของฝี เชื้ออาจลุกลามเข้ากระแสเลือด ทำให้เป็นฝีที่ไต โลหิตเป็นพิษ เชื้อฝีลามไปกระดูก สมอง เป็นหนองยากแก่การรักษา เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ
ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดจากฝี-หนอง-อักเสบ-บวม-แดง-ร้อน คือการทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี เมื่อภูมิต้านทานดีก็เท่ากับเราปิดทางเข้าของโรคด้วยการสร้ามภูมิต้านทานให้ร่างกายระยะยาว เป็นการป้องกันทางเข้าของเชื้อโรคด้วยความแข็งแรงของร่างกาย ไม่ป่วยง่าย ไม่ติดเชื้อต่างๆได้ง่าย ระบบเซลล์ในร่างกายแข็งแรงทุกระบบค่ะ (แนะนำเหมาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีร่างกายอ่อนแอค่ะ)
คลิ๊กที่ภาพด้านล่างดูสรรพคุณผลิตภัณฑ์ค่ะ
เด็กป่วยบ่อยๆจะมีปัญหาเรื่องพัฒนาการ เรื่องการมีสมาธิในการเรียน การให้เด็กทานวิตามินรูปแบบอื่น (แบบเม็ด/ แบบผง /แบบน้ำ) มักถูกต่อต้านเนื่องจากเด็กจะคิดว่าเป็นยา ลองเปลื่ยนรูปแบบมาเป็นเจล รสชาติอร่อยๆ เด็กจะชอบและยอมทาน คุณพ่อคุณแม่จะไม่ต้องลำบากใจ กังวลและเครียดเรื่องเด็กป่วยบ่อยๆคะ
ผู้ใหญ่ทานเอเจลสะดวกฟื้นฟูร่างกายเซลล์เสื่อม บำรุงสุขภาพดี เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพให้คุณพ่อคุณแม่ เนื่องจากผู้สูงอายุต้องการสารอาหารที่ร่างกายสามารถดูดซึมเอาไปใช้ได้แบบด่วนๆ อาหารเสริมรูปแบบเจลจึงเหมาะมาก ทานแล้วร่างกายดูดซึมเอาไปใช้ได้เลยคะ
เรื่องความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์ดูได้จากวีดีโอด้านล่างนี้คะ เอเจลอูมิมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน และแข็งแรงได้อย่างไร
ภูมิต้านทานดีไม่ป่วยง่ายๆ>>ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะคะ
ต้องการทราบราคาคลิ๊กช่องสั่งซื้อค่ะ